ย้อนกำเนิดความฮิต “Toyota Hiace” รถตู้ที่ขายดีและคุ้มค่าที่สุด

 

โตโยต้า ไฮเอซ (Toyota Hiace) เป็นรถเพื่อการพาณิชย์หรือที่เรียกกันติดปากว่า “รถตู้” และไม่ว่าจะกี่ปีเจ้ารถตระกูลไฮเอชของโตโยต้ายังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย เพราะด้วยความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ความทนทานของเครื่องยนต์และช่วงล่าง ห้องโดยสารกว้างขวาง จัดวางเบาะนั่งได้หลายรูปแบบ ราคาที่ประเมินความคุ้มได้เมื่อนำมาใช้ประกอบกิจการงานทำมาหากิน มีระยะคืนทุนที่ไม่นาน ครั้งนี้มาลองย้อนต้นกำเนิดเจ้า “โตโยต้า ไฮเอช” ไปด้วยกัน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในเร็ววันนี้

โตโยต้า ไฮเอช ออกมาจากโรงงานผลิตที่ญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 1967 หรือ พ.ศ. 2510 มาถึงปัจจุบันเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 และข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้คนไทยได้ใช้งานกันหลังจากนั้นราว 15 ปี คือเมื่อ พ.ศ. 2525 โดยถูกนำมาใช้งานในธุรกิจขนส่งและรถโดยสาร รถรับส่งนักเรียน รถบ้าน ฯลฯ (ยังไม่ได้นำมาใช้เป็นรถตู้สาธารณะ) และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นถึงขนาดที่นำมาใช้งานเป็นรถตู้สาธารณะวิ่งตามเส้นทางทั้งในเมืองและออกนอกเมือง จะเห็นได้ว่า “ไฮเอช” เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ที่นำมาใช้งานได้หลายรูปแบบมากๆ แต่ในไทยนำเข้าไฮเอชมาจำหน่ายใน 3 โมเดล คือ รถตู้ทั่วไป = ไฮเอช (Hiace), รถตู้ทรงหลังคาสูง = คอมมิวเตอร์ (Commuter) และรถตู้ทรงหลังคาสูงแบบวีไอพี = เวนจูรี (Ventury)

สำหรับ โตโยต้า ไฮเอช เจเนอเรชั่นที่ 1 ผลิตเมื่อปี 1967-1977 (พ.ศ. 2510-2520) ตัวถังรหัส H10 ยุคนั้นตัวถังมี 2 แบบ คือ แบบรถบรรทุก 4 ล้อ และแบบรถตู้ เน้นใช้งานบรรทุกและรถสาธารณะ รูปทรงดูเชยๆ แต่เน้นการใช้งานที่ส่วนใหญ่นำไปใช้เป็นรถแบบ Camper Van มี 2 ประตู และ 1 ประตูสไลด์ เครื่องยนต์เบนซินมีขนาด 1.3, 1.5, 1.6 และ 1.8 ลิตร เกียร์ 4 สปีด รับผู้โดยสารได้ถึง 8 ที่นั่ง โดยในยุคแรกนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำตลาดแข่งกับ นิสสัน โฮมมี่ (Nissan Homy) อีกด้วย

เจเนอเรชั่นที่ 2 ผลิตปี 1977-1982 (พ.ศ. 2520-2525) รหัส H11, H20,H30,H40 มีการปรับเปลี่ยนด้านการออกแบบให้มีความลู่ลมมากขึ้น ขนาดตัวถังมีความยาวมากขึ้น จากเดิม 4,305 มม. ขยายเป็น 4,340 มม. และมีรุ่นตัวถังแบบแววที่ยาวขึ้นเป็น 4,990 มม. พื้นที่ห้องโดยสารจึงมีความกว้างมากขึ้น รองรับผู้โดยสารได้ 15 ที่นั่ง ส่วนเครื่องยนต์มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.6, 1.8 และ 2.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร รุ่นนี้ในบ้านเราเรียกโฉมว่า “หัวแตงโม”

เจเนอเรชั่นที่ 3 ผลิตปี 1982-1989 (พ.ศ.2525-2532) รหัสตัวถัง H50 มีการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องของขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น จากเดิมฐานล้อกว้าง 2,290 มม. มาเป็น 2,295 มม. และ 2,795 มม. ในรุ่นตัวถังยาว ความยาว 4,425-5,025 มม. เครื่องยนต์เบนซิน 1.8, 2.0, 2.2 และ 4.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล มี 3 ขนาด คือ 2.2, 2.4 และ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งรุ่นนี้มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่สำหรับขับเคลื่อน 4 ล้อ มีจำหน่ายในญี่ปุ่นเท่านั้น โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นที่เริ่มรู้จักในไทยมากขึ้นอีกด้วย รุ่นนี้จึงถือว่าเป็นรุ่นที่เปิดเส้นทางการเติบโตให้กับไฮเอชในไทย

เจเนอเรชั่นที่ 4 ผลิตปี 1989-2004 (พ.ศ.2532-2547) รหัสตัวถัง H100 โฉมนี้จะเป็นรุ่นที่เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จัก เพราะทำตลาดในไทยนานมาก ตัวถังมีทั้งแบบไฮเอชและคอมมิวเตอร์ ซึ่งรุ่นนี้ยังใช้เป็นรถตู้สาธารณะที่คุ้นตากัน เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลทำออกมาหลายขนาดมาก ตั้งแต่ 2.0-3.0 ลิตร มีทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ แต่ในบ้านเราจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่า มีการออกแบบตัวถังที่ดูทันสมัยมากขึ้น มีความลู่ลมจนถูกเรียกว่าเป็นรุ่น “หัวจรวด” รุ่นนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะเรื่องของอัตราเร่ง ห้องโดยสารที่กว้าง ประหยัดน้ำมัน และยังเป็นรุ่นที่ขายดีมาอย่างยาวนานเป็นระดับตำนานของตระกูลไฮเอชกันเลยทีเดียว เพราะทำตลาดมานานถึง 15 ปี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนโฉมในภายหลัง

เจเนอเรชั่นที่ 5 ผลิตปี 2004-2018 (พ.ศ.2547-2560) รหัสตังถัง H200 เป็นรุ่นก่อนปรับโฉมครั้งล่าสุด เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่นำมาใช้งานกันหลากหลาย ทั้งเป็นรถขนส่ง รถโดยสาร ตกแต่งเป็นรถวีไอพี เป็นรุ่นที่ถือว่ามีความสมบูรณ์แบบที่สุด เครื่องยนต์ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ โดยรุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นรุ่นเวนจูรี่ เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.7 ลิตร 2TR-FE 4สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i และ รุ่นคอมมิวเตอร์ ขนาด 3.0 ลิตร 1KD-FTV (I/C) 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการปรับโฉมเป็นเครื่อง 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รับรองไอเสีย Euro 6

รุ่นนี้มีความหรูหราและให้ความสะดวกสบายที่ต่างจากเดิมหน้ามือเป็นหลังมือ และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ประกอบการขนส่งและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ถึงขนาดเป็นรุ่นที่ขึ้นบัญชีถูกขโมยส่งออกไปชายแดนมากที่สุด แม้แต่ราคาขายต่อยังดีอีกด้วย ถือว่าเป็นรถตู้โดยสารขวัญใจมหาชนกันเลย

เจเนอเรชั่นที่ 6 โฉมปัจจุบัน พ.ศ. 2562 รหัสตัวถัง H300 เข้าสู่ยุคใหม่ของตระกูลไฮเอช แต่ยังคงรองรับการใช้งานแบบสุดคุ้มเหมือนเดิม มาพร้อมกับตัวถังที่ออกแบบใหม่ เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรุ่นใหม่ โดยโตโยต้ามีการเผยว่า ตัวถังของไฮเอชใหม่ถูกสร้างบนแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความทนทานเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำหรับทั้งการเดินทางและการขนส่ง มีการออกแบบให้ฝากระโปรงหน้ายื่นออกมาซึ่งทำให้ดูทันสมัยขึ้น

ตัวถังของไฮเอช ให้เลือก 2 แบบ คือ รุ่นฐานล้อและหลังคามาตรฐาน และรุ่นฐานล้อยาวหลังคาสูง มีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม โดยในรุ่นฐานล้อและหลังคามาตรฐานตัวรถจะมีความยาว 5,265 มม. กว้าง 1,950 มม. สูง 1,990 มม. ระยะฐานล้อยาว 3,210 มม. ส่วนรุ่นฐานล้อยาวและหลังคาสูงความยาวของรถอยู่ที่ 5,915 มม. ความสูง 2,280 มม. ระยะฐานล้อยาว 3,860 มม. ในขณะที่ความกว้างของรถเท่ากับรุ่นความยาวมาตรฐาน

ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบให้ติดตั้งเบาะได้หลายแถว เพื่อการเดินทางของผู้โดยสารจำนวนมาก รวมทั้งมีรุ่นทัวริสที่มีภายในและการทำงานเพื่อให้ความสะดวกมากขึ้นเป็นพิเศษ ส่วนรุ่นแวน จะให้ความสะดวกในด้านพื้นที่บรรทุกสิ่งของ พร้อมกับให้ความสบายภายในห้องโดยสารเพื่อลดความอ่อนล้าของผู้ขับเมื่อต้องขับระยะทางไกลในสภาพถนนต่างๆ จากการย้ายตำแหน่งของเครื่องยนต์จากเหนือเพลาหน้าไปอยู่ด้านหน้าของรถ ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนและความร้อนในบริเวณผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าลง

โดยรุ่นที่เปิดตัวในฟิลิปปินส์เป็นเครื่องดีเซล 1 GD-FTV 2,800 ซีซี เทอร์โบ 176 แรงม้า มีกำลังมากขึ้นแต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ในขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันตรัต และด้านหลังแบบ Leaf Spring และยังมีเครื่องยนต์เบนซิน 7GR ขนาด 3,500 ซีซี เป็นอีกทางเลือกสำหรับตลาดบางภูมิภาค และในไฮเอชรุ่นท๊อปจะมาพร้อมกับการทำงานช่วยในการควบคุมรถอย่าง Vehicle Stability Control, Hill Start Assist, ABS และระบบความปลอดภัยอย่าง Emergency Brake Signal อีกด้วย

ส่วน โตโยต้า ไฮเอช (Toyota Hiace) รุ่นใหม่นี้ มีการเผยโฉมให้เห็นที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีขนาดตัวถังที่ทั้งใหญ่ และยาวขึ้นมาก เอาเป็นว่ารายละเอียดที่แท้จริงสำหรับรุ่นที่จำหน่ายในไทย รวมทั้งราคาจะเปิดมาเท่าไหร่ รอสักนิด..เพราะโตโยต้าเตรียมเปิดตัว THE ALL-NEW COMMUTER ในวันที่ 11 มิถุนายน ที่จะถึงนี้อย่างเป็นทางการเอาไว้แล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.grandprix.co.th/